วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

[Movie] รีวิว Boyhood --> (* * * *)


รีวิว Boyhood
แค่ได้ยินว่าหนังเรื่อง Boyhood ของผู้กำกับ Richard Linklater เป็นโปรเจ็คที่ใช้เวลาถ่ายทำมาทั้งหมด 12 ปีโดยใช้นักแสดงชุดเดิมทั้งเรื่อง ก็ถึงกับอึ้งและคิดในใจว่ามันมีใครกล้าทำหนังแบบนี้ด้วยหรอวะ เพราะรูปแบบหนังเช่นนี้คือโปรเจ็คที่โคตรอภิมหาเสี่ยงมากจริงๆ ที่อาจเกิดปัญหาในการถ่ายทำได้ตลอดระยะเวลาทั้งหมดโดยที่ผู้กำกับอาจไม่คาดคิดด้วยซ้ำ เช่น นักแสดงบางคนอาจเลือกที่จะไม่กลับมาเล่นด้วยอาจจะด้วยเหตุผลต่างๆ นานา หรือแบบฟุตเทจที่ถ่ายไว้ในช่วงบางปีมีข้อผิดพลาดก็จะไม่สามารถย้อนเวลาเพื่อไปถ่ายใหม่ได้ เพียงแค่เหตุผลเท่านี้ก็พอจะบอกได้แล้วว่าผู้กำกับนั้นมี Passion และความตั้งใจในการทำหนังเรื่องนี้มากเพียงใด


รีวิว Boyhood - pic1
สำหรับ Boyhood นั้นเล่าเรื่องราวของ เมสัน ตั้งแต่วัย 6 ขวบที่ต้องเผชิญกับปัญหาพ่อ แม่หย่าร้าง ทั้งชีวิตด้าน สุข เศร้า เหงา ทุกข์ไปจนถึงวัย 18 ปี ผ่านทางโลกที่หมุนเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทั้งในเรื่องวัฒนธรรมป๊อป การเมือง บทเพลง และกระแสสังคมต่างๆ ในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งการเล่าเรื่องก็จะดำเนินไปเรื่อยๆ เหมือนสารคดีที่ไม่มีอะไรหวือหวาและใกล้เคียงความจริงของชีวิตมนุษย์คนหนึ่งมากที่สุด ทำให้ตลอดเวลาทั้ง 3 ชั่วโมงนั้นก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าไม่มีช่วงไหนที่น่าเบื่อเลย เพราะในแต่ละช่วงชีวิตของเมสันนั้นก็เหมือนคนทั่วๆ ไป ที่มีทั้งขาขึ้น ชาลง และจุดที่คงตัวจนไม่มีอะไรน่าติดตามบ้างเป็นบางช่วง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความลื่นไหลของ Boyhood สะดุดแต่อย่างไร

รีวิว Boyhood - pic2
ซึ่งข้อดีที่สุดของ Boyhood นั้นก็คือการถ่ายทำที่ใช้นักแสดงชุดเดิมตลอดทั้งเรื่อง จนทำให้เรานั้นเชื่อมต่อกับตัวละครติดโดยเติบโตไปพร้อมกับตัวละครไปโดยไม่รู้สึกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนดูที่เป็นผู้ชายก็น่าจะมีโมเมนท์ที่ทำให้หวนนึกไปถึงวัยเด็กได้ไม่น้อย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่รู้สึกว่ามันใช่ รู้สึกว่ามันโดน ทั้ง Star Wars, Harry Potter, เกมส์, หนังสือโป๊, รักครั้งแรก จนสุดท้ายก็ได้แต่คิดว่าชีวิตเด็กผู้ชายมันก็คงเป็นอย่างนี้เหมือนๆ กันหมดแหละมั้ง ดูไปก็อินไปจนสามารถนั่งยิ่้มอยู่แทบทุกฉากตลอดเวลา 3 ชั่วโมงของเรื่องสมชื่อ Boyhood จริงๆ

รีวิว Boyhood - pic3
นอกจากการเล่าเรื่องที่ทำให้เราหวนรำลึกอดีตแล้ว Boyhood ยังมีข้อคิดดีๆ และบทพูดโดนๆ มากมายผ่านทางการใช้ชีวิตตลอด 12 ปีของตัวละคร เมสัน ที่เราสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้จากทุกๆ ตัวละคร ทั้งพ่อ แม่ พี่ หรือตัวเอกเองก็จะมีมุมต่างๆ ที่สามารถแตกเป็นประเด็นให้ได้ไปขบคิดอีกมากมาย โดยที่ไม่ได้รู้สึกยัดเยียดแต่อย่างใด แต่กลับยิ่งรู้สึกว่าแท้จริงแล้วข้อคิดดีของเราในแต่ละวันนั้นไม่ต้องไปหาจากหนังสือ หรือ Quote โดนๆ ที่ไหนเลย เพราะหากมองย้อนกลับไปดูชีวิตของตัวเองแล้วก็จะพบว่าข้อคิดที่ดีที่สุดก็คือข้อคิดที่เราได้มาจากการใช้ชีวิตของตัวเราเอง การเผชิญหน้ากับปัญหา ประสบการณ์ที่มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งเอาเป็นว่า Boyhood คือหนังแนว Coming of Age ที่อวยไส้แตกของปีนี้ หนังอาจจะต้องใช้สมาธิและการใส่ใจกับบทพูดมากหน่อย แต่รับรองว่าหากตั้งใจดูดีๆ แล้วจะได้อะไรกลับไปเยอะมากเลยจริงๆ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น