 |
รีวิว Timeline |
10 ปีที่แล้วคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักหนังรักขยี้น้ำตาชาวไทยที่มีชื่อว่า The Letter อย่างแน่นอน ด้วยความเป็นหนังรักที่แตกต่างและบิวท์คนดูจนบ่อน้ำตาแตกไปตามๆ กันจนทำให้ The Letter กลายเป็นหนังไทยในตำนานของยุคนั้นเลย จนกระทั่ง ณ วันนี้ที่ผ่านมาแล้ว 10 ปี
Timeline ก็ได้สานต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน The Letter แต่ด้วยปัญหาลิขสิทธ์จากการรีเมคมาจากหนังเกาหลีอีกที ทำให้
Timeline นั้นคือหนังภาคต่อแบบกลายๆ ที่ไม่สามารถใช้ชื่อเรื่อง ชื่อตัวละคร และดาราคนเดิมได้อีก ทั้งๆ ที่เนื้อหาก็ยังต่อเนื่องกันมาอย่างเห็นได้ชัด
 |
รีวิว Timeline - pic1 |
Timeline นั้นเล่าเรื่อง 18 ปีต่อมาจาก The Letter ที่ตัวละครแม่ม่ายอย่างมัท(ก่อนหน้านี้ชื่อดิว) ต้องทำหน้าที่ดูแลลูกชายเพียงคนเดียวตลอดมา จนกระทั่งถึงวันที่ แทน ลูกชายนั้นจะต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพจนได้พบกับชีวิตใหม่และความรักที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ซึ่งแม้ว่า
Timeline นั้นจะดูเหมือนภาคต่อ แต่ในความเป็นจริงแล้วถึงไม่ได้ดู The Letter มาก็สามารถดู
Timeline ได้รู้เรื่องแบบไม่มีข้อข้องใจและอินไปกับหนังได้เช่นกัน เพราะส่วนที่
Timeline ดึงมาใช้ก็มี Flashback เล่าความเป็นมาให้คร่าวๆ อยู่แล้ว อย่างเรื่อง ผัดฟักแม้ว, ต้นบ๊วย, จดหมาย และฉากนวดเท้า ก็เป็นแค่ตัวเชื่อมสำหรับแฟนๆ ของหนังให้ได้นึกถึง The Letter กันเพียงแค่นั้น
 |
รีวิว Timeline - pic2 |
ส่วนตัวแล้วคิดว่าคงจะดีกว่านี้มาก หาก
Timeline ตัดสินใจแยกตัวเป็นเอกเทศจาก The Letter ไปเลย เพราะจริงๆ แล้วหนังก็มีองค์ประกอบทุกอย่างเพียงพอที่จะสมบูรณ์ได้ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ซึ่งพอนำส่วนประกอบหลายๆ อย่างจากทั้ง The Letter และ
Timeline มารวมกัน ก็เลยเกิดองค์ประกอบและพล็อตย่อยที่เยอะเกินกว่าหนังเองจะตามเก็บหมดได้ภายใน 2 ชั่วโมง ทำให้บางประเด็นที่หนังเกริ่นขึ้นมาแล้วก็ไม่ได้รับการให้ความสนใจหรือเดินหน้าต่อ จนมองได้ว่าฉากที่พยายามเชื่อมโยงกับ The Letter ทั้งหลายเป็นเพียงแค่ฉากส่วนเกินที่หากตัดทิ้งไปก็แทบไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่องหลักเลย
 |
รีวิว Timeline - pic3 |
Timeline คือหนังที่มีส่วนที่น่าชมเชยอยู่มากมายทั้งทีมนักแสดงที่เล่นกันดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวเต้ยที่เล่นได้เป็นธรรมชาติสุดๆ ดูเป็นตัวเองเหมือนไม่ได้กำลังแสดงอยู่เลย (และที่สำคัญขึ้นกล้องน่ารักมากกกกก) ส่วนพี่ป๊อกนั้นก็ประเภทแบบเล่นน้อยได้มาก ทำให้ทุกฉากที่มีดารา 2 คนนี้มีสีสันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกส่วนหนึ่งก็คือฉากบิวท์ที่ดูมีพลังหนักแน่นและเอาคนดูน้ำตาร่วงอยู่หลายต่อหลายฉาก (ผมโดนไป 3) มีจังหวะชง ตบ ขยี้ที่ดี รู้ว่าจังหวะไหนบิวท์ขึ้นไม่ขึ้น จังหวะไหนหนักจังหวะไหนผ่อนก็ตรงความรู้สึกคนดูได้เกือบหมด
 |
รีวิว Timeline - pic4 |
แต่ใช่ว่า
Timeline จะไม่มีข้อเสียเลย เพราะบทก็ยังมีช่องโหว่อยู่บ้าง อีกทั้งหลายๆ ฉากก็ยังดูจงใจสร้างสถานการณ์เกินงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไคลแม็กซ์ตอนสุดท้ายนั้น ดูยังไงก็เหมือนเป็นการหาทางออกที่สิ้นคิดของหนังอย่างมากที่เลือกทางออกให้กับหนังมาเช่นนี้ เพราะดูยังไงก็แทบไม่มีเหตุผลมารองรับสักเท่าไร ที่น่าแปลกก็คือฉากไม่สมเหตุสมผลเหล่านี้น่าจะทำให้อารมณ์คนดูดรอปลงไป แต่กลับทำให้คนดูยังอิน เศร้า ซึ้งไปได้อย่างที่หนังต้องการจนต้องยอมหลั่งน้ำตาให้ ซึ่งขอสรุปเลยละกันว่า
Timeline น่าจะเป็นอีกหนึ่งหนังไทยดีๆ ที่ดูตั้งใจทำ มีภาพสวยๆ บรรยากาศดี นักแสดงมีฝีมือและควรค่าแก่การไปดูอีกเรื่องเลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น