ปกติแล้วผมเองนั้นไม่ค่อยมีรสนิยมในการดูหนังอาร์ท หนังอินดี้ หรือหนังสายรางวัลสักเท่าไรถ้าหากอ่านเรื่องย่อ หรือดูตัวอย่างแล้วไม่ได้สนใจจริงๆ ซึ่งกับ Only God Forgives นั้นก็มีสาเหตุในการดูเช่นกันนั่นก็คือความชอบส่วนตัวของหนังเรื่อง Drive ที่ได้ผู้กำกับอย่าง Nicolas Winding Refn และนักแสดงนำอย่าง Ryan Gosling ก็รู้สึกชอบสไตล์จัดจ้านแบบ โหด ดุ ดิบ แต่เท่โคตรๆ จนต้องชาบูและเฝ้ารอผลงานถัดมา จนกระทั่งพบกับ Only God Forgives ที่ได้ผู้กำกับเดิม และนักแสดงนำชายเดิม เลยได้แต่คาดหวังลึกๆ ว่าหนังจะพาเราไปถึงจุดที่ Drive เคยทำได้มาก่อน
โดยเรื่องย่อของ Only God Forgives ก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องของความรุนแรงของชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า จูเลี่ยน ที่พี่ชายของเขาถูกฆ่าตายและเรื่องนี้ก็ยังเกี่ยวพันกับตำรวจอีกด้วย ทำให้เรื่องต้องมาถึงมือแม่ของเขาที่หวังจะลงมาจัดการเองเพื่อแก้แค้นให้กับลูกชายสุดที่รัก ซึ่งจะว่าไปแล้ว Only God Forgives เหมือนเป็น Drive เวอร์ชั่นที่ดูยากขึ้น อืดขึ้น สัญลักษณ์มากขึ้น มืดหม่นขึ้น โหดดิบขึ้น บวกกับความพยายามทดลองทำอะไรใหม่ๆ หรือเป็นเพราะค่อนข้างมีกลิ่นอายเอเชียด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ทำให้รสชาติออกมาค่อนข้างแปร่งๆ ไปนิด ไม่ได้ไปสุดทางเหมือนในเรื่อง Drive ที่เคยทำเอาไว้
สรุปได้เลยว่า Only God Forgives ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคอหนังแอคชั่นที่เข้าไปกะดูฉากยิงกัน หรือฉากชกต่อยกันเหมือนอย่างที่โปสเตอร์พยายามจะโปรโมทแล้วล่ะก็มีสิทธิด่าไปถึงบุพการีของผู้กำกับและทีมงานทุกคนที่เกี่ยวข้อง พร้อมๆ บ่นกับเสียดายตังอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่คุณจะได้ชมต่อไปนี้คือภาพนิ่งๆ ภาพสโลโมชั่นในขยับตัวของนักแสดงในแต่ละฉากจนคิดว่าเครื่องฉายค้าง หรือยืดไปแล้ว รวมไปถึงบทพูดที่บางที่ต้องคาดเดาเอาเอง ภาพตัดไปตัดมาที่ดูแล้วชวนงงปวดกบาล แต่ถ้าหากคนที่ชอบรสชาติความแปลกใหม่ในสไตล์จัดจ้านที่ดูแล้วต้องใช้ประสบการณ์ และความรู้เรื่องภาพยนตร์มาบ้างในการตีความสัญลักษณ์ต่างๆ ที่สอดแทรกมากมายในเรื่องแล้วล่ะก็ Only God Forgives ก็น่าจะตอบโจทย์ให้คุณได้ไม่มากก็น้อยล่ะครับ



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น