 |
| รีวิว Unfriended |
บางทีก็แอบงงตัวเองกับหนังที่หลายคนก่นด่าถึงความเลวร้ายของมันอย่างหนัก แต่พบกว่าตัวเองกลับถูกใจมันเสียเหลือเกิน ส่วนนึงอาจเป็นคนที่ชอบความแปลกใหม่ในวงการภาพยนตร์เป็นอย่างมาก ทำให้เมื่อมีหนังที่ให้ความรู้สึกใหม่ออกมาทีก็มักที่จะฟินไปเสียหมด กับ
Unfriended ก็เช่นกัน เพราะหากมองกันที่ตัวหนังจริงๆ แล้ว บอกเลยว่ามันเป็นหนังที่บทเชยได้โล่และไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่โคตรเด็ดสำหรับ
Unfriended ก็คือรูปแบบการเล่าเรื่องในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะเป็นการเล่าผ่านหน้าจอคอมตลอดเวลาการดำเนินเรื่องแล้วมันก็ดันทำได้ดีเสียด้วย
 |
| รีวิว Unfriended - pic1 |
หนังดูพยายามที่จะหาลูกเล่นจากการเล่าเรื่องผ่านหน้าจอคอมมาใช้อย่างสนุกสนาน เช่น อาการเน็ตค้าง เน็ตกระตุก เน็ตตัด ที่ปกติแล้วจะสร้างความหงุดหงิดฉุนเฉียวให้กับผู้ใช้แบบสุดๆ แต่พอถูกนำมาใช้ในหนังมันกลับสร้างความกดดัน บีบคั้น และลุ้นระทึกได้เป็นอย่างดี และยิ่งเมื่อไปผสมกับซาวด์แน่นๆ ที่โผล่มาแบบถูกจังหวะ ก็ทำให้เสียงประกอบโปรแกรมอย่าง Skype, Facebook Chat กลายเป็นเสียงที่ทำให้สะดุ้งได้หลายช็อตเช่นกัน อีกทั้งหลายต่อหลายฉากใน
Unfriended ก็ดูครีเอทีฟและผ่านการคิดมาเป็นอย่างดี จนทำให้ภายใน 82 นาทีของหนังไม่มีช่วงใดที่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย
 |
| รีวิว Unfriended -pic2 |
ซึ่งถ้าเป็นหนังทั่วไป 82 นาทีอาจเป็นความสั้นที่ไม่ควรค่าแก่การเสียเงินเข้าไปชม แต่ทว่ากับ
Unfriended นั้นหนังได้ใช้ทุกนาทีไปอย่างคุ้มค่าและเล่าเหตุการณ์เป็น Real Time เฉพาะเนื้อๆ เน้นๆ จนดูจบก็รู้สึกว่าเวลาเพียงเท่านี้ก็เหมาะสมกับตัวหนังมากแล้ว ตัวดาราเองก็ดูเป็นธรรมชาติกัน ความสมจริงนี้ทำให้เราเปรียบเสมือนผู้ร่วมใน Skype นรกไปในหนังด้วยไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ สรุปเลยละกันว่า
Unfriended น่าจะเหมาะกับผุ้ที่สนใจการเล่าเรื่องด้วยวิธีแปลกใหม่ ที่มีลูกเล่นแพรวพราว มีทั้งความหลอนและความน่ากลัวควบคู่กันอย่างลงตัว แถมยังแทรกด้วยแง่คิดการใช้โลกออนไลน์อย่างมีสติ เพราะทุกสิ่งอย่างมันจะยังคงอยู่ไปตลอดกาล...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น