 |
| รีวิว Pitch Perfect 2 |
Pitch Perfect ภาคแรกนั้นถือเป็นหนังม้ามืดที่เข้าโรงแบบเงียบๆ ในช่วงเดือนธันวาคมของปี 2012 โดยที่ไม่มีกระแสใดๆ ท่ามกลางหนังฟอร์มยักษ์ช่วงสิ้นปี แต่สุดท้ายกลับทำรายได้ไปถึง 65 $ล้าน แถมได้รับคำชมมากมายจนมีแฟนคลับที่หลงรักวงอะแคพเพลลาในเรื่องเข้าอย่างจัง จนใครๆ ก็ฟันธงได้ว่า Pitch Perfect น่าจะเป็นแฟรนไชน์หนังร้องเพลงอันทรงคุณค่าต่อไปในอนาคต (ถ้าไม่ทำลวกๆ ออกมาเหมือน Step Up ภาคหลังๆ เสียก่อน) จนกระทั่งมาถึงปีนี้
Pitch Perfect 2 ก็ทำได้อีกครั้งเพราะท่ามกลางหนังใหญ่ยักษ์ซัมเมอร์ หนังกลับคว่ำหนังพลังชายอย่าง Mad Max จนขึ้นอันดับหนึ่งไปด้วยรายได้กว่า 70 ล้าน$ ในสัปดาห์แรกของการเปิดตัว
 |
| รีวิว Pitch Perfect 2 - pic1 |
โดย
Pitch Perfect ในภาคนี้ก็เริ่มต้นจากเหตุการณ์การแสดงที่ผิดพลาดจนเป็นเหตุทำให้วงเบลล่าที่เป็นแชมป์มหาวิทยาลัยมาถึง 3 สมัย กลับต้องโดนตัดสิทธิในการไปทัวร์ต่างประเทศและออกงานต่างๆ จนพวกเธอต้องหาหนทางในการกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาให้ได้ ซึ่งในแง่เรื่องเวทีก็ดูยิ่งใหญ่ขึ้นเพราะเปลี่ยนจากแค่การประกวดในระดับมหาวิทยาลัยไปเป็นระดับโลก แต่น่าเสียดายที่ความเว่อร์วังที่ว่ากลับทำลายเสน่ห์ของหนังที่มีในภาคแรกไปเสียหมด ทั้งการพยายามจะเป็นโชว์ทั้งร้องทั้งเต้น ทั้งโปรดักชั่นในการแสดง ที่พยายามใส่กันเข้ามา จนลืมไปว่าจริงๆ แล้ว ความสนุก และหัวใจสำคัญของเรื่องนั้นกลับเป็นการร้องเพลงที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีอะไรพิสดารมากมาย
 |
| รีวิว Pitch Perfect 2 - pic2 |
แต่ยังดีที่หนังและตัวละครก็ยังกลับตัวกลับลำได้ทัน จนทำให้ในช่วงท้ายหนังก็คืนเสน่ห์สู่ความเป็น
Pitch Perfect แบบที่อยากดูอีกครั้ง กับบทเพลงเพราะๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพากายกรรมใด ทั้งในเรื่องของมิตรภาพที่ทำให้เรารู้สึกว่าพวกเธอกลับมาประกอบกันได้อีกครั้งจริงๆ หลังที่ค่อนข้างกระจายและไม่รู้สึกถึงความสัมพันธ์ใดๆ ในวงได้เลยในช่วงต้นเรื่อง (ซึ่งอาจจะเป็นความจงใจของหนังอยู่แล้ว) ส่วนตัวละครใหม่อย่าง Hailee Steinfeld ก็เรียกสีสันได้จากความน่ารักของเธอได้มากพอตัว แม้เคมีอาจจะยังดูไม่เข้ากับรุ่นพี่ในวงเท่าไรนัก แต่ก็มีหลายซีนที่น่าจับตามองไม่น้อยเลย
 |
| รีวิว Pitch Perfect 2 - pic3 |
โดยรวมแล้ว
Pitch Perfect 2 อาจจะเป็นหนังที่ดูกระท่อนกะแท่นไปบ้าง ด้วยประเด็นที่มากมายเกินไปจนไม่สามารถตามเก็บหมด ทั้งมิตรภาพที่กระจัดกระจาย ความคาดหวังหลังเรียนจบของสมาชิกในทีม การค้นหาความสามารถและพรสววรค์ของตัวเอง จนไปถึงความรักของ Fat Amy ส่งผลให้หนังดูท่าจะไปไม่สุดสักทาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนังก็ยังคงมอบความบันเทิงได้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยเสียงเพลงเพราะๆ (แต่ก็แอบเสียดายที่เพลงช้าๆ น้อยมาก) และมุกตลกสุดฮาอยู่ตลอดเรื่อง ทำให้ดูไปก็ยิ้มไปและมีความสุขได้จนจบเรื่องอยู่ดี
ปล ดูจบอย่าเพิ่งลุกกันนะครับ มี End Credit สุดฮาด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น