 |
| รีวิว Big Game |
ไม่รู้ว่าคิดไปเองคนเดียวไหม เพราะตอนที่เห็นตัวอย่างของ Big Game ครั้งแรกนี่รู้สึกเลยว่ามันโดนมากๆ กับการเห็นเด็กตัวเล็กๆ วิ่งลุยปกป้อง ปธน สหรัฐ ในป่าเขาโดยอาศัยทักษะและสัญชาตญาณของคนพื่้นที่ จากกลุ่มผู้ก่อการร้าย แต่น่าเสียดายที่ตัวหนังจริงนั้นกลับทำลายความคาดหวังที่ตั้งเอาไว้ค่อนข้างสูงพอตัวพังทลายลงไปอย่าง่ายดายเมื่อพบว่าตัวหนังสัญชาติฟินแลนด์ (ที่ผู้กำกับมีผลงานที่เป็นน่าจับตามองในเทศกาลหนังอย่าง Rare Export ที่ว่าด้วยการส่งออกซานต้าไปทั่วโลก แต่ซานต้าที่ว่านั้นดันเป็นซานต้าพันธุ์ดุกินเด็ก) เรื่องนี้นั้นออกมาสภาพโบราณเหมือนกับจงใจคารวะหนังแอคชั่นยุค 80s ที่อืดไปสักหน่อย
 |
| รีวิว Big Game - pic1 |
โดยตัว Big Game นั้นกว่าจะเข้าสู่เนื้อเรื่องจริงๆ ก็ปาเข้าไปกว่า 45-50 นาทีถึงจะมีฉากแอคชั่นแรกมาให้ชม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นการปูเรื่องที่ก็ค่อนข้างให้น้ำหนักกับภาพยนตร์ได้ดีแต่เสียตรงที่กลับไม่ได้เอามาใช้อะไรในหนังอะไรต่อมากมายนอกจากย้ำประเด็นเรื่องการเติบโตและเรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งความน่าผิดหวังที่สุดหลังจากเข้าสู่ฉากแอคชั่นที่รอคอยนั้นก็คือการที่ต้องมานั่งดูเด็กน้อยในเรื่องนั้นกลับเป็นแค่เด็กฝึกหัดที่แทบไม่มีความสามารถใดๆ สักเท่าไรมาเอาตัวรอดแบบง่อยๆ ไปพร้อมกับ ปธน
 |
| รีวิว Big Game - pic2 |
อีกทั้งพอผ่านจากฉากแอคชั่นฉากแรกไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่ดูพัฒนาขึ้น ไม่มีฉากที่ฝ่ายตัวเอกจะเอาคืนได้อย่างสะใจหรือมีกลยุทธ์ต่อกรกับเหล่าร้ายแต่อย่างใด จะมีก็แต่ตัวร้ายที่ทำการจัดการกันเองจนเกือบหมดจนไม่เหลืออะไรให้เราดูเลยแม้แต่น้อย จะเหบืออย่างเดียวก็คงเป็นทีเด็ดในไคลแม็กซ์ที่น่าตื่นตาซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นการโหมโรงสู่แอคชั่นที่มันส์ขึ้นแต่สุดท้ายก็ดันจบไปอย่างงงๆ จนกลายเป็นประสบการณ์ใหม่ในการดูที่หนังที่หลังดูจบแทบไม่ได้รับอะไรหรือมีความทรงจำใดๆ เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย หรือหากจะนิยามหนังอย่าง Big Game คงนับเป็นแค่ Trailer ดูฆ่าเวลาเสียมากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น