หลังจากที่เมื่อเดือนก่อนออกตัวเป็นติ่งนิยาย Love, Rosie (หรือชื่อดั้งเดิมว่า Where Rainbows End) ที่เป็นนิยายแนว Chick-Lit เรื่องแรกที่เคยได้อ่านไป ก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอดูเวอร์ชั่นหนังว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แม้จะรู้อยู่แก่ใจหลังจากได้ดูตัวอย่างไปแล้วว่าหนังสือกับหนังน่าจะมีลักษณะที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งบทที่รวบกระชับขึ้นมาก ซึ่งหากจะให้อิงเวลาตามหนังสือเลยคงลำบากเพราะเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบนั้นกินเวลาไปหลายปีมากๆ แต่ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาก็น่าจะเป็นพาร์ทความโรแมนติกใสๆ เสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามก็พยายามเปิดใจให้กับการตีความใหม่แต่สุดท้ายก็ได้แต่ผิดหวังกันไป เมื่อออกมาจากโรงแล้วพบว่าแก่นสารของ Love, Rosie ในเวอร์ชั่นหนังนั้นช่างต่างกับในฉบับนิยายมากกว่าคิดที่เหลือเกิน
ซึ่งประเด็นที่ว่านั้นในหนังสือมีมากมายทั้งเรื่องการเติบโต (Coming-of-Age) ที่ตัวละครทั้งหลายในเรื่อง Love, Rosie นั้นจะได้เรียนรู้กับความผิดพลาดทั้งหลาย และใช้ชีวิตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในทุกๆ ครั้งที่ผ่านปัญหามา ต่างกับในหนังที่เราแทบไม่ได้เห็นการพัฒนาตัวละครเลย คือแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปี ก็ยังไม่มีความคิดและเลือกที่จะทำผิด เลือกผิดซ้ำๆ ซากๆ แบบที่ไม่น่าให้อภัย อีกทั้งยังประเด็นการเดินตามความฝันที่ในนิยายดูจะฝ่าฟันอะไรมาหลายต่อหลายอย่าง ได้เห็นความสามารถของ Rosie จนเราเชื่อว่าเธอจะสามารถทำมันได้ต่างกับในหนังที่แทบไม่มีอุปสรรคเลยแม้แต่น้อย
รวมถึงประเด็นด้านครอบครัวของหนังสือที่อบอุ่นมาก ทั้งเรื่อง แม่-ลูก และครอบครัวของ Rosie ที่ดูชูเป็นประเด็นหลักมากกว่าก็ได้ถูกตัดออกไป จนเหลือแค่แง่คิดเบาๆ แบบยัดเยียดมาให้จากปากของตัวละครอย่างพ่อของ Rosie เท่านั้น จนทำให้ Love, Rosie ออกมาเหลือแต่ความกลวงของเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของหนุ่มสาวที่ยังหาโอกาสลงเอยด้วยกันไม่ได้สักที
จะว่าไปจริงๆ แล้วหนังก็คงไม่ได้แย่มากนัก หากใครที่กำลังมองหาหนังรักใสๆ ฟรุ๊งฟริ๊ง มุ๊งมิ๊ง ในแบบเพ้อๆ ฟุ้งๆ หน่อย เพราะถ้าไม่เทียบกับตัวนิยายต้นฉบับแล้ว Love, Rosie ก็ค่อนข้างตอบโจทย์ตรงนี้ให้ได้พอสมควร มีหลายฉากที่ได้ขำได้อมยิ้มอยู่เยอะ คู่พระ-นางก็ดูเคมีเข้ากันได้น่ารักดี แววตาสื่อหากันใสปิ๊งๆ เสียดายก็แต่ทุกอย่างที่ดูง่ายเกินไปเสียหมด แถมยัง non-sense เกินไปมาก ถ้าปล่อยให้หนังลากเราไปได้จะดูได้อย่างสนุก แต่ถ้าเผลอกลับเข้าสู่โหมดโลกความเป็นจริงเมื่อไรก็จะเห็นปัญหาในหนังยุ่บยั่บเชียว
สุดท้ายก็ได้แต่ฝากไว้ว่าจะดู Love, Rosie มาแล้วหรือยังไม่ดูก็อยากให้ลองได้หาหนังสือมาอ่านกัน ถึงจะหนาสักหน่อย แต่รับรองว่าอ่านลื่น บันเทิง มุกตลกโดนใจ ได้อะไรกลับมามากมายกว่าในเวอร์ชั่นหนังอย่างแน่นอน ถึงดูหนังมาแล้วก็อ่านหนังสือได้เพราะเนื้อหาโดนตัดออกไปสัก 60% ของเรื่องได้เลยจริงๆ (รีวิวหนังสือ Love, Rosie อ่านได้ที่ http://chizanukrg.blogspot.com/#!/2014/10/book-love-rosie-12.html)




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น