ส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าในการดูภาพยนตร์นั้น มีภาพยนตร์อยู่จำพวกหนึ่งที่ขอให้นิยามว่า "ถ้าไม่ได้ดูที่โรงก็อย่าดูเลย"เพราะคุณจะไม่ได้อรรถรสเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็นแน่นอน ซึ่งหนังที่อยู่ในประเภทนี้ไม่ได้จำกัดแนวว่าจะต้องเป็น Action เป็น Comedy เป็น Drama หรือเป็น Horror แต่อย่างใด แต่ขึ้นอยู่กับเรื่องๆ ไปว่าจะดึงประโยชน์จากบรรยากาศในโรงภาพยนตร์มาใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งบางทีก็บอกไม่ถูกว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้รู้สึกเช่นนี้ นอกจากรู้สึกแค่ว่า หากไม่ได้ดูที่โรงคงไม่ได้ฟินสุดแบบนี้แน่นอน ที่ร่ายมาเสียยาวนั้นก็เพียงเพื่อจะบอกว่าสำหรับผมแล้ว "Whiplash" คือหนังที่ต้องจัดให้อยู่ในหมวดนี้โดยไม่มีข้อกังขาใดๆ จริงๆ
นอกจาก Whiplash จะมีจังหวะการกำกับและการเล่าเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว อีกส่วนที่ต้องชมแบบลืมไม่ได้เลยก็คือ ดารานำทั้งคู่อย่าง Miles Teller และ J.K. Simmons ที่มีพลังการแสดงอันล้นเหลือมากๆๆ สำหรับ Miles นั้นถือว่าแจ้งเกิดจาก Whiplash ได้อย่างสวยงามกับหลายฉากตีกลองอันบ้าคลั่งในทุกๆ ฉาก และการเข้าถึงสภาพจิตใจของเด็กหนุ่มที่ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อไปให้ถึงฝันได้อย่างเชื่อได้สนิทใจว่าเขาคือตัวละครนั้นจริงๆ และเป็นมือกลองที่เทพได้ระดับนั้นจริงๆ ส่วน J.K. Simmons ก็สวมวิญญาณครูนรกได้อย่างน่ากลัว ต้องนั่งเกร็งตัวทุกครั้งที่ป๋าแกขยับท่าทาง คือมีพาวเวอร์และพลังการแสดงในระดับสูงมากจนต้องยอมรับเลย และยิ่งเมื่อทั้งคู่ได้เข้าฉากด้วยกันนั้น ยิ่งใส่กันเต็มพิกัดจนต้องยอมรับในฝีมือของทั้งคู่แบบเต็ม 100 จนเชียร์ให้เข้าชิงออสการ์และสอยรางวัลดารานำชายและสมทบชายกลับมาได้ทั้งคู่เลย
สุดท้ายแล้วอยากจะบอกว่า Whiplash คือหนังระดับพรีเมี่ยมอีกเรื่องที่คุณภาพยอดเยี่ยมแบบไร้ข้อกังขา กับพลังของหนังที่ล้นเหลือเกินบรรยาย อีกทั้งยังดูง่าย เข้าถึงได้ทุกคน ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ลากจูงคนดูไปถึงจุดพีคขั้นสุดจนต้องนั่งขนลุกอีกสักพักแม้ว่าหนังจะจบไปแล้ว แถมยังต้องร่วมปรบมือให้ดังๆ ในตอนจบที่ตัดอารมณ์คนดูในช่วงที่พีคที่สุดได้พอดีมากๆ จนปล่อยให้ความรู้สึกสุดฟินนั้นซึมเข้าไปในใจได้อีกนาน ซึ่งเกณฑ์คะแนนของผมคือ 4 ดาวผมก็ให้เต็ม 4 แต่ถ้าอัตราส่วนคะแนนเป็นเต็ม 100 ผมก็จะยังคงให้ 100 คะแนนเต็มกับหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ ขอเชิญดู Whiplash โรงเถอะครับ โคตร Recommend ไม่งั้นก็คงเหมือนไม่ได้ดูจริงๆ




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น