วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

[Movie] รีวิว คิดถึงวิทยา --> (* * - -)

รีวิว คิดถึงวิทยา
สวัสดีไดอารี่ที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะหนังเรื่อง คิดถึงวิทยา แท้ๆ ที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกอยากเขียนไดอารี่ขึ้นมาได้อีกครั้งหลังจากผ่านมาก็หลายปี สำหรับเราการเขียนไดอารี่มันให้ความรู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับตัวเอง ได้ระบาย และได้ทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ทำมาในแต่ละวันผ่านทางตัวหนังสือที่จะรู้กันแค่เราเท่านั้น แต่ด้วยการเข้ามาของเทคโนโลยีโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่าง Facebook, Twitter ก็ทำให้เรานั้นย้ายจากการเล่าเรื่องราวและระบายชีวิตแต่ละวันจากในสมุดไปอยู่บนโลกออนไลน์ผ่านทาง Status แทน จนวันนี้ก็เพิ่งมารู้สึกว่าความรู้สึกมันช่างต่างกันเหลือเกินกับการที่เขียนๆๆๆ แบบเอาไว้อ่านคนเดียว กับการที่ต้องเขียนระบายในแบบที่ public ขึ้น เพราะการเขียนไดอารี่นั้นเราไม่เคยต้องมาสนใจว่าถ้อยคำของเรานั้นจะไปกระทบใครหรือไม่ เราแอบชอบใคร เราเกลียดใคร เราเบื่ออะไร ก็เขียนๆๆๆๆ ออกมาโดยที่ไม่ต้องสนใจใคร แต่กับโลกออนไลน์นั้นเราต้องมานั่งระวังว่าเรื่องที่พูดจะไปกระทบคนอื่นๆ หรือบางทัศนคตินั้นจะทำให้คนไม่พอใจบ้างหรือเปล่า นี่ยังไม่รวมเสน่ห์ของลายมือและพื้นที่ในการจังวางตัวอักษรในการเขียนที่จะช่วยบ่งบอกอารมณ์ในช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยไดอารี่ชิ้นนี้แม้ว่าจะไม่เป็นไดอารี่ในแบบดั้งเดิมแบบที่เราเคยเขียนๆ ไว้เมื่อก่อน แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยๆ ก็ได้ความรู้สึกเดิมๆ กลับมาบ้างก็พอแล้ว

รีวิว คิดถึงวิทยา - pic1
จริงๆ คิดถึงวิทยา เนี่ยเป็นหนังที่เราอยากดูมากตั้งแต่แรกเห็นตัวอย่างเลย เราชอบกิมมิคของหนังที่หยิบเอาเรื่องของคนสองคนที่รู้จักกันผ่านไดอารี่ในคนละช่วงเวลามาเล่า (จริงๆ ก็แอบคิดถึงหนังอย่าง Il Mare อยู่นะ) แล้วเอาไปบวกกับของความเหงาของคุณครูจากโรงเรียนที่แพกลางน้ำ เราว่ามันน่าจะได้ความรู้สึกเหงาๆ แล้วก็โรแมนติกไม่น้อยเลย พอวันนี้เลิกงานปุ๊บก็รีบเด้งจากที่นั่งแล้วบึ่งไปสยามพารากอนเพื่อซื้อตั๋วทันที ขนาดว่ารีบแล้วยังเกือบไม่ได้ดูเพราะคนเยอะมากกกก ไม่รู้มาดูอะไรกันระหว่าง คิดถึงวิทยา หรือ Divergent แต่ยังดีที่ได้ที่นั่งหลุดจองมาเลยได้ดูรอบ 6.30 ทันพอดี

รีวิว คิดถึงวิทยา - pic2

รีวิวที่เราเห็นก่อนมาดูนี่ค่อนข้างแยกออกเป็นสองกระแสมากๆ คือถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลย ยังไม่ค่อยเห็นใครให้คะแนนแบบกลางๆ สักเท่าไร ซึ่งเราก็พอจะเผื่อๆ ใจมาบ้างแล้ว เพราะโดยส่วนมากนั้นหนังสไตล์ Feel Good ของ GTH ก็ไม่ค่อยโดนใจเราสักเท่าไร(แต่ก็กระดี๊กระด๊าตามดูแม่งทุกเรื่องไม่รู้ทำไม) แต่พอในดูจริงๆ แล้วเราชอบหนังในช่วงครึ่งเรื่องแรกมากๆ เลย หนังดูสดใส และค่อนข้างสดใหม่ในสายตาเรามาก ตัวละครเด็กๆ ก็ดูน่ารักมีเสน่ห์ผลัดการออกมาปล่อยมุกเฮฮาอยู่เรื่อยๆ พอดูๆ ไปก็หัวเราะบ้าง อมยิ้มบ้างอยู่ตลอดเวลา จนแอบคิดๆ ในใจเตรียมให้คะแนนเอาไว้สัก 3 ดาวครึ่งเลยนะ!! แต่พอมาครึ่งหลังเนี่ยเราว่าหนังมันเหลวมากเลยอะ คือทุกอย่างมันซ้ำๆ ไปหมดทุกอย่าง แบบอะไรๆ ก็สูตรและเคยผ่านตามาหมดแล้วจนแทบจะเดาได้เป็นฉากๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปจนไม่เหลืออะไรให้อยากตามอีกต่อไปแล้ว อีกอย่างที่ไม่ชอบเลยคือหนังมันดูประดิษฐ์มากๆ ยัดเยียดฉากที่ไม่สมเหตุสมผลมาให้เราทุกอย่างเลย

รีวิว คิดถึงวิทยา - pic3
เราอยากเล่ามาก ขอสปอยเลยละกันนะ ถ้าไม่อยากรู้เนื้อเรื่องก็ข้ามย่อหน้าถัดไปได้เลย คืออยากระบายมากจริงๆ อะ เราว่านะจุดเปลี่ยนที่หนังเริ่มไม่สนุกแล้วก็คือตอนที่แฟนนางเอกมันไปมีชู้กับเพื่อนมันเองอะ คือมันดูไม่มีอะไรเกริ่นมาก่อนหน้านี้เลย แล้วอีกอย่างคือแบบแค่ไม่เจอกัน 5 วันต่อสัปดาห์เนี่ย มันทำให้เหงาจนไปมีอะไรกับคนอื่นเลยหรอวะ มันดูผิดประเด็นไปหน่อยอะ แล้วไม่ค่อยน่าเชื่อด้วยคืออยู่ๆ มันก็มีฉากนี้ขึ้นมาเพื่อให้มันเลิกกันเหมือนอย่างคู่พระเอกเนี่ยหายไปไม่ถึงสัปดาห์แม่งมีชู้เลย คือมันยัดเยียดไปหน่อยปะ เราว่านะคำว่า "เหงา" กับคำว่า "เงี่ยน" มันต่างกันนะเว่ย อันนี้มันดูเงี่ยนอะพอนางเอกไม่อยู่ 5 วันแม่งก็เลยไปมีอะไรกับคนอื่น คือถ้ามันจะเกิดมันคงเกิดไปนานแล้วไม่ใช่แค่หายไปช่วง 5 วันนี้หรอก แล้วแบบนางเอกเนี่ยถูกปูคาแรคเตอร์มาตลอดว่าเป็นผู้หญิงเข้มแข็งและถือทิฐิจนถึงขนาดไปอยู่บนโรงเรียนแพคนเดียวได้แต่สุดท้ายต้องมาลังเลให้กับผู้ชายที่นอกใจตัวเองเนี่ยนะ มันดูไม่ใช่เลยอะ

รีวิว คิดถึงวิทยา - pic4

แล้วอีกอย่างคือเราว่าประเด็นเรื่องความเป็นคุณครูมันดูหายไปอะ จากตอนแรกมันมีเรื่องการวิจารณ์ระบบการศึกษาและความเป็นครูที่ดูน่าสนใจดี แต่พอช่วงหลังๆ มันกลายเป็นประเด็นที่เบาบางจนหายไป สุดท้ายมันก็เลยดูกลายเป็นหนังที่กลวงๆ ไปซะงั้นเลย แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยๆ หนังก็มีดาราทั้งบี้และพลอย รวมถึงเด็กๆ ที่สร้างสีสันให้กับหนังได้เยอะ แล้วก็มีภาพ ฉาก และงานโปรดักชั่นสวยๆ ที่อยากให้หนังไทยเรื่องอื่นๆ ดูเป็นตัวอย่าง จนดูแล้วก็ไม่ถึงกับเบื่อมากนัก และอาจเป็นเพราะคงคาดหวังไว้สูงเกินไปจนสุดท้ายต้องมานั่งผิดหวังเองด้วย แต่เราคิดว่าถ้าใครเป็นติ่ง GTH หรือดูหนัง GTH มาไม่ค่อยเยอะมากก็คงชอบ คิดถึงวิทยา ได้ไม่ยาก แต่สำหรับเราที่ติดตามผลงานของ GTH มากกว่า 10 ปีเราว่าหนังน่าจะพัฒนาออกจากมาตรฐานเดิมๆ ให้ดีขึ้นกว่านี้ได้แล้ว สำหรับไดอารี่วันนี้ของเราก็คงจบลงเท่านี้ล่ะ เอาไว้ถ้ามีโอกาสเมื่อไรก็คงได้กลับมาได้เขียนอีก (แต่ดูแล้วคงยาก)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น