 |
| รีวิว Pompeii |
Pompeii คือหนังที่ผู้กำกับอย่าง Paul W.S. Anderson จั่วหัวของขึ้นมาว่าเป็น "ไททานิคบนดิน" แต่น่าเสียดายที่ความเป็นไททานิคนั้นถูกนำมาได้แค่โครงเรื่องของรักต่างชนชั้นและภัยพิบัติในช่วงท้าย แต่คุณภาพยังนับว่าห่างกันอยู่ไกลโข แต่ในเมื่อรู้ว่า
Pompeii เป็นหนังของเฮียแกแล้ว หากจะคาดหวังให้เป็นหนังชั้นดีคงเป็นหนังที่สูงไปหน่อย แต่ถ้าหวังจะเข้าไปดู CG งามๆ และเนื้อเรื่องเอาใจคอนหนังตลาดแล้วล่ะก็ นับว่า
Pompeii ก็ยังคงตอบสนองความต้องการตรงนี้พอได้อยู่
 |
| รีวิว Pompeii - pic1 |
Pompeii เล่าเรื่องย้อนไปถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติภูเขาไฟถล่มเมือง
Pompeii โดยมีตัวดำเนินเรื่องคือ ไมโล ชายผู้กลายเป็นทาสนักสู้ตั้งแต่ในวัยเด็ก ด้วยฝีมือชั้นเยี่ยมทำให้เขาถูกย้ายตัวจากทางหัวเมืองไปเข้าร่วมการต่อสู้ที่เมือง
Pompeii แทน จนได้พบรักกับลูกสาวของเจ้าของเมืองจนก่อเกิดเป็นความรักข้ามชนชั้น ที่มีแต่อุปสรรคมาขวางกันทั้งวุฒิสมาชิกจากเมืองหลวงและภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด เห็นพล็อตเรื่องแล้วคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
Pompeii นั้นคือหนังสูตรสำเร็จจ๋าที่เดาเรื่องได้ตั้งแต่้นยันจบตั้งแต่เห็นตัวอย่างแล้ว แล้วอย่างนี้คำถามก็คือหนังจะเหลืออะไรให้น่าติดตามอีกต่อไปล่ะ?
 |
| รีวิว Pompeii - pic2 |
เคราะห์ยังดีที่ Paul W.S. Anderson ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในหนังแทบทุกเรื่องของเขานั่นก็คือ CG ที่งามตระการตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเนรมิตเมือง
Pompeii ขึ้นมาใหม่ก็ดูอลังการไม่น้อย รวมไปถึงฉากภูเขาไฟถล่มเมืองในฉากสุดท้ายก็ค่อนข้างจัดเต็มทั้งสะเก็ดภูเขาไฟ ทั้งคลื่นยักษ์ ทั้งเมืองถล่มก็ดูเพลิดเพลินพอตัวเลยทีเดียว แต่กว่าจะไปถึงฉากนั้นก็เล่นเอาหาวเป็นหลายช่วงอยู่เหมือนกัน
 |
| รีวิว Pompeii - pic3 |
ซึงก็อย่างที่บอกไปในข้างต้นว่า Pompeii ค่อนข้างจะเป็นหนังสูตรจ๋าไปหน่อยเลยแทบไม่มีอะไรต้องลุ้นให้เหนื่อยเปล่า การปูตัวละครแบบแบนราบเรียบทั้งฝั่งคนดีและคนเลวอย่างเห็นได้ชัดก็ทำให้คาแรคเตอร์แต่ละคนดูห่างไกลจากความเป็นจริงจนเกินไป ส่วนความรักของคู่พระ-นางก็เป็นเพียงแค่โรแมนติกกลวงๆ ที่ดูแล้วก็ไม่ได้อยากจะเอาใจช่วยแต่อย่างใด ส่งผลให้ภาพรวมที่ออกมาของ Pompeii จึงกลายเป็นหนัง Popcorn ที่เอาไว้ดูเพลินๆ เสพภาพงามๆ และเมื่อดูจบไปก็ไม่เหลืออะไรให้จดจำแม้แต่น้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น