วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

[Movie] รีวิว About Time --> (* * * *)

รีวิว About Time
หลังจากที่ต้องทนดูหนังโรแมนติกแบบหวานจ๋อย ดราม่าคั้นน้ำตาที่สร้างจากหนังสือของ Nicholas Sparks มานานถึง 10 ปี คือไม่ใช่ว่าเรื่องที่สร้างมาเหล่านี้จะไม่ดี แต่ทว่าหนังโรแมนติกจ๋าเช่นนี้ดูท่าจะเหมาะกับผู้หญิงสไตล์หวานๆ เสียมากกว่า ทำให้สำหรับผมแล้วหนังใหม่ของ Richard Curtis จึงน่าจับตามองอยู่ไม่น้อย เพราะดูเหมือนว่าผมจะเป็นผู้ชายที่เติบโตมาพร้อมๆ กับหนังสไตล์โรแมนติกแบบนี้มากกว่า นับตั้งแต่ Notting Hill ที่เปรียบเหมือนรักของหนุ่มขี้อายที่เพิ่งเริ่มต้นรู้จักกับความรัก ที่ดูแล้วยิ้มไป โดนไป เจ็บจิ๊ดไป จนโตขึ้นมาอีกกับ Love Actually ที่ได้มุมมองเหมือนกับรักวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับรักหลายรูปแบบ จนนำไปสู่ About Time หนังรักที่ดูเติบโตขึ้นจนมีความเป็นผู้ใหญ่อย่างเห็นได้ชัด

About Time pic 1
 
เรื่องย่อไม่อยากจะเล่ามากกลัวจะเสียอรรถรสในการชมกัน เอาเป็นว่า About Time นั้นเล่าเรื่องของ ทิม ชายคนหนึ่งที่เพิ่งค้นพบว่าผู้ชายในตระกูลของเขานั้นมีความสามารถพิเศษในการย้อนเวลาได้ เขาจึงพยายามใช้มันเพื่อตามหาสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" แต่เนื่องจากไม่ใช่หนังไซไฟกฎของการข้ามเวลาจึงถูกจัดวางมาอย่างหลวมๆ ด้วยเงื่อนไขที่ว่า การย้อนเวลานั้นไม่ได้วิเศษถึงขนาดจะย้อนไปแก้ไขประวัติศาสตร์ได้ แต่จะใช้ย้อนไปสู่ช่วงเวลาที่ตัวเองจดจำได้เท่านั้น ดังนั้นการดูให้สนุกคือดูให้เป็นหนังรักและอย่าไปคิดถึงตรรกะการข้ามเวลามากนัก

About Time pic2

แม้ว่าหน้าหนังและตัวอย่างของ About Time จะพาลให้เราคิดไปว่านี่คือหนังรักฉบับหวานจ๋อย แต่ในความเป็นจริงแล้วหนังกลับเล่าเรื่องได้ธรรมดา ไม่มีอะไรหวือหวา ไม่มีอะไรหวานเกินไป ซึ่งก็นับว่าเป็นข้อดี เพราะสำหรับผมแล้วก็รู้สึกว่าชีวิตรักโดยปกติก็มักจะเป็นแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายใดเป็นโรคตายกันไปแบบหนังเกาหลี ไม่มีตัวร้าย ตัวอิจฉาที่คอยมาเป็นอุปสรรคชีวิตมากมายแบบละครไทยเสมอไป ซึ่งความธรรมดาในหนังเรื่องนี้ทำให้คนดูสามารถอินไปด้วยได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวละครพระเอกที่เปรียบเสมือนคนธรรมดาทั่วๆ ไป ไม่มีความสามารถอะไรพิเศษ ไม่หล่อ ไม่เท่ (นี่แหละมั้งนิยามของคนดีที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่เลือก) ก็ยิ่งทำให้น่าลุ้นเอาใจช่วยเข้าไปใหญ่ น่าแปลกที่การเดินเรื่องเรียบๆ ของ About Time ที่ทำให้เราอมยิ่ม และซึมซับไปกับตัวละครอยู่ตลอดทั้งเรื่องเช่นนี้ จะเล่นคนดูให้จุกได้ในตอนท้ายแบบที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว

About Time pic 3
 
สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือ About Time ใช้ความเป็นหนังรักได้เต็มที่ โดยไม่ต้องผูกติดกับเรื่องรักของคนหนุ่มสาวเสมอไป ความรักในครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือเพื่อนก็เป็นแง่มุมหนึ่งของความรักที่หนังรักส่วนมากมักไม่ค่อยพูดถึง นอกจากนี้แง่คิดในหนังยังคมคายจนดูจบแล้วยังต้องเก็บไปคิดต่อ ได้กลับมานั่งทบทวนชีวิตของตัวเองและผู้คนรอบข้าง ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตให้มีความสุขแบบง่ายๆ เพราะในชีวิตจริงเราไม่สามารถย้อนเวลาได้เหมือนในหนัง แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือการใช้ชีวิตอย่างมีสติอยู่เสมอ ใช้ชีวิตให้เต็มที่โดยที่ไม่ต้องคิดว่าจะย้อนกลับมาแก้ไขอะไรอีก

About Time pic 4
สุดท้ายอยากจะบอกว่าถึงแม้ About Time จะไม่ใช่หนังรักที่ดีที่สุดที่เคยดูมา แต่สำหรับผมแล้ว About Time ถือเป็นหนัง Romantic + Coming of Age ที่ชอบที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นหนังที่ดูจบแล้วรู้สึกหัวใจพองโต มีความสุขมากขึ้น อยากวิ่งกลับไปกอดทุกคนที่เรารัก อยากใช้เวลาทุกวินาทีของชีวิตให้มีคุณค่ามากขึ้น จนถึงบรรทัดนี้หลายคนอาจจะมองว่าเวอร์ แต่แนะนำว่าให้ลองไปพิสูจน์ดูกันด้วยตัวเองเลยครับ Highly Recommend สุดๆ เลย!!






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น