ในภาคนี้เล่าเรื่องต่อมาจากภาคที่แล้วซึ่งเดฟ หรือ Kick Ass ก็พยายามที่จะพัฒนาตัวเองมากขึ้นเพราะหวังจะเป็นฮีโร่จริงๆ กะเขาบ้างสักที โดยครูที่สอนเขาก็ไม่ใช่ใครนอกจาก Hit Girl สาวน้อยที่เคยร่วมลุยกับเหล่าร้ายกันมาจากภาคแรก แต่เรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้นเมื่อแต่ละตัวละครต่างก็มีปัญหาชีวิตวัยรุ่นตัวเองที่ต่างกันออกไป รวมไปถึงเรื่องสมาคม Hero ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาพร้อมกับๆ ทีมของเหล่าร้ายที่นำทีมโดย Red Mist จากภาคแรกที่หวังแก้แค้น Kick Ass ให้พ่อของเขาจากเหตุการณ์ในภาคแรกอีกด้วย
พอมาในภาคนี้เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่เพิ่มขึ้นทั้งเดฟที่หวังจะเป็นฮีโร่ที่ได้เรื่องกะเขาสักที ส่วน Hit Girl ก็ต้องเผชิญกับปัญหาการเข้าสังคมกับกลุ่มเพื่อน รวมไปถึงคริสที่ผันตัวเองไปเป็นจอมวายร้ายแบบเต็มตัวเพราะต้องการการยอมรับ ซึ่งหนังก็เล่าและเล่นกับเหตุการณ์เหล่านี้ได้อย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นฉากโหดๆ หรือฉากฮาๆ จากสถานการณ์เหล่านี้ก็ได้ผลมากเลยทีเดียว ส่วนมุกตลกและฉากแอคชั่นในภาคนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดูสนุกเอามันส์และฮาได้ทั้งเรื่องซึ่งบางมุกอาจต้องอาศัยการดูภาคแรกมาก่อนถึงจะเข้าใจได้มากกว่า
นอกจากข้อดีเหล่านี้แล้ว สิ่งที่เสียไปอย่างเห็นได้ชัดคงจะเป็นประเด็นเรื่องที่ค่อนข้างเบาบางลงแต่ก็ไม่ได้ดูจบแบบไม่มีอะไรได้คิดเพราะหลายๆ อย่างก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวให้ได้คิดต่อแม้ว่าหนังจะจบไปแล้ว แต่ส่วนที่เหลือก็ไม่รู้จะติอะไรอีกแล้ว เพราะหนังมอบความบันเทิงให้กับผมได้ตั้งแต่ฉากแรกที่เริ่มดูไปจนถึงฉากสุดท้ายได้อย่างเต็มอิ่มจริงๆ ในแบบที่ยังไม่มีหนังเรื่องไหนในปีนี้ที่มอบให้ได้อีกเลย หากใครชอบภาคแรกแล้วรับประกันได้เลยว่าภาคนี้คุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ
ป.ล. เขียนมาจนถึงบรรทัดนี้ผมก็ยังหาเหตุผลไม่เจอว่าทำไม Kick Ass 2 ถึงกลายเป็นหนังเจ๊งทั้งๆ ที่มีองค์ประกอบตอบสนองแฟนๆ แทบทุกอย่าง เหตุผลเดียวเท่าที่คิดได้คือเพราะเป็นหนัง Rate R ที่อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่อายุต่ำกว่า 18 เท่านั้นเอง




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น