นสภาวะที่หนังจีนกำลังจะตายในเมืองไทยเข้าทีไรก็หากำไรแทบไม่ได้แบบนี้ ก็ยิ่งเห็นหนังจีนเข้าโรงที่ไทยน้อยลงเรื่อยๆ แม้ว่าหนังเหล่านั้นจะมีดาราระดับแม่เหล็กอย่างเฉินหลง หรือหนังจากนิยายชื่อดังอย่าง ไซอิ๋ว ที่อุตส่าห์ดึงชื่อโจวชิงฉือที่รับหน้าที่เป็นผู้กำกับมาเป็นจุดขายก็ยังไม่วายต้องเข้าโรง Exclusive แบบหลบๆ ซ่อนๆ แถมเข้าแค่เพียงไม่กี่วันอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ตัวหนังก็ไม่ได้ขี้เหร่แต่อย่างใด แถมยังทำให้หายคิดถึงหนังสไตล์เฮียโจวชิงฉือกันแบบหอมปากหอมคออีกด้วย
ซึ่ง Journey to the West หรือเรียกได้ว่าเป็นไซอิ๋วฉบับนี้นั้นดึงเนื้อเรื่องในส่วนตอนที่พระถังซัมจั๋งยังไม่ได้บวชเป็นพระ และทำหน้าที่เป็นนักปราบปีศาจเพื่อให้เหล่าปีศาจนั้นกลับใจมาเป็นฝ่ายดี แทนที่จะคิดใช้วิธีแบบฆ่าฟัน ซึ่งระหว่างทางก็ต้องเผชิญกับปีศาจน้อยใหญ่มากมาย แถมยังมีเรื่องกุ๊กกิ๊กจากนักล่าปีศาจอีกคนที่คอยตามจีบเขาเสียอีก ก็ถือว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างจะแตกต่างไปกับไซอิ๋วที่เราเคยดูๆ กันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ อยู่พอตัว
โดยส่วนตัวแล้วผมชอบหนังสไตล์เฮียโจวชิงฉือมานานมาก และยิ่งพีคตอนสมัยที่ทำ Kung Fu Hustle ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นหนังที่มีความเป็นเอกลัษณ์ส่วนตัวที่ค่อนข้างสูง เรียกได้ว่าทั้งมันส์ ทั้งฮา ทั้งกวนตรีน ได้ทุกรูปแบบ สำหรับในเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าเฮียแกแปะลายเซ็นไว้ทั่วหนังเลย เพราะบางฉากที่เราคิดว่ามันจะมาแบบจริงจัง ก็เล่นซะแบบฮาก๊ากไปหลายดอก ในบทโรแมนติกที่ดูแปล่งๆ ไปหน่อยแต่สุดท้ายก็เรียกได้ว่าซึ้งพอสมควร ในด้านเอฟเฟ็คก็ถือว่าพอกล้อมแกล้มตามสไตล์หนังจีนทั่วๆ ไป เสียหน่อยก็ตรงแค่บทที่ทีเล่นทีจริงปนกันเยอะจนตั้งตัวแทบไม่ทัน แต่โดยรวมๆ แล้วไซอิ๋วเวอร์ชั่นนี้ก็ยังอยากให้มีการทำต่อโดยทีมงานต่อไปอีก เพราะยังไงแล้วหนังสไตล์เฮียโจวก็ถือว่าเป็นสไตล์เฉพาะตัวที่ถ้าเฮียแกไม่ทำก็คงไม่ได้เห็นจากเรื่องอื่นๆ อีกแน่นอน
Ps. ชอบบทซูฉีในหนังเรื่องนี้มาก เล่นฮารั่วได้ใจชนิดไม่ห่วงสวยเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น