1. ไม่มีใครเอา
ในข้อนี้ผมเริ่มสังเกตได้มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการทำงาน และเกิดคำถามว่าทำไมองค์กรส่วนมากมักแยกแผนก IT ออกจากตัวองค์กรเป็นอีกภาคส่วนนึงเสมอ ทั้งบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งของประเทศที่ผมเคยฝึกงาน ก็มีการแยกเป็น IT Department ส่วนธนาคารแห่งหนึ่งที่ผมเคยร่วมงานก็มีการแยก IT ออกมาเป็นอีกบริษัทหนึ่งเลยเพื่อซัพพอร์ทงานสายนี้ให้กับตัวธนาคารเองโดยเฉพาะ หรือแม้แต่ที่ทำงานปัจจุบันก็เคยมีการแยก IT ไปเป็นอีกบริษัทโดยใช้การถือหุ้นร่วมแทน
ซึ่งเจ้าการแยกออกตัวไปนั้น ผมก็ได้เข้าใจเมื่อเริ่มทำงานว่างานสายนี้มันมีวิถีการทำงานที่ไม่ เหมือนใครจริงๆ ทั้งเรื่องเวลาเข้างานที่บางวันต้องกลับดึกมากๆ จากการเคลียร์งานให้ทันกำหนด ในวันถัดมาคุณอาจจะได้รับการอนุโลมให้เข้าสายได้ หรือหากคุณต้องมาซัพพอร์ทระบบในวันหยุด คุณก็อาจจะได้วันลาทดแทนกันไปในวันถัดมา หรือบางวันก็มานั่งว่างๆ เล่นเน็ตโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย อีกทั้งยังมีเรื่องระบบ OT อันแสนวุ่นวาย (และส่วนมากก็ไม่มี หรืออาจจะมีในใบสัญญาแต่สุดท้ายด้วยความที่ประหยัดงบก็อาจไม่ได้เบิกอยู่ดี) เพราะไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์อย่างแน่นอนเนื่องจากแต่ละโปรเจ็คนั้นมีการประหยัดงบกันสุดขีด ทำให้เราจะเห็นได้ว่าหากเราเอาคนกลุ่มนี้ไปรวมกับองค์กรทั้งหมด วัฒนธรรมองค์กรก็น่าจะพังไปตามสภาพ
แต่จริงๆ แล้วการจับ IT แยกออกมาก็คงไม่มีประเด็นอะไรให้ได้หงุดหงิดรำคาญใจสักเท่าไร ถ้าหากผลตอบแทนทุกอย่างนั้นจะเท่าเทียมกับตัวองค์กรใหญ่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วองค์กร IT หลายๆ แห่ง (เท่าที่เคยเห็นมา) มันดันไม่เท่าด้วยไง ทั้งในด้านเงินเดือนที่อาจสู้ไม่ได้ สวัสดิการที่มีน้อยกว่าตัวองค์กรหลัก และการเลือกปฏิบัติในสภาพลูกเมียน้อยอย่างเห็นได้ชัดในกรณีที่แยกออกมาแล้วไปใช้ในชื่ออื่น จึงนับเป็นเคราะห์กรรมในหัวข้อแรกสำหรับโปรแกรมเมอร์ที่ไม่ค่อยมีใครอยากเอาไปรวมไว้ในองค์กรสักเท่าไร แถมเอาออกมาก็ยังประหยัดงบองค์กรจากสวัสดิการต่างๆ ที่ด้อยกว่าอีก
อ่านแล้วมันคุ้นๆ ยังไงไม่รู้น่ะ อิอิ
ตอบลบ